GPS พาไปเจอผี  ตอนตีสาม

GPS พาไปเจอผี ตอนตีสาม

ประสบการณ์การใช้จีพีเอสนำทาง  ในการขับรถยนต์ทุกคนคงจะมีประสบการณ์   จากการที่ GPS พาหลงทางกันมาแล้ว  ไม่มากก็น้อยครั้งใช่ไหมเอ่ย วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์จริงๆ  ที่ได้ไปประสบพบเจอมา 

GPS พาหลงทาง

เรื่องมีอยู่ว่าช่วงสงกรานต์ปี59  เราได้ขับรถยนตร์ไปจังหวัดมหาสารคาม  ซึ่งเป็นบ้านแฟนของพี่ชาย  โดยเราจะขับตามหลังคันของพี่ชายเพราะไม่ค่อยชำนาญทาง คันที่เราขับจะมีเรากับแม่เราเอง  และมีน้องสาวน้องชายเราก็ไปด้วย  คันของพี่ชายจะมีครอบครัวของเขานั่งไปด้วย

วันนั้นจุดหมายปลายทางที่จะไปคือ อำเภอ วาปีปทุม แต่เราค้นหาใน GPS ไม่ขึ้นอำเภอ วาปีปทุมให้เลย  มีแต่อำเภอพยัคฆ์ภูมิ ซึ่งเราค้นหาหลายครั้งก็ไม่ขึ้นให้ พี่ชายบอกว่าเอาอำเภอนี้ก็ได้  อยู่ใกล้กันอยู่  เดี๋ยวไปถึงใกล้ๆค่อยขับตามหลังคันพี่ชายอย่างเดียว ขับออกจากกรุงเทพออกไปให้ถึงเขตมหาสารคามด้วย GPS ก่อนก็แล้วกัน

ก็ตกลงโอเคตามนั้นเราก็ขับตาม GPS ไปจนเจอกันกับพี่ชายช่วง อำเภอ บรบือ คราวนี้คือเราต้องขับตามพี่ชายอย่างเดียว เพราะจีพีเอส ค้นหา อำเภอ วาปีปทุมไม่เจอค้นอย่างไรก็ไม่เจอ ในระหว่างทางก็ปิดและเปิด GPS ค้นหาอำเภอ  วาปีปทุมก็หลายครั้งก็ไม่พบเหมือนเดิม

ช่วงนั้นเวลาตี1 ย่างตี2 กำลังง่วงพอดีระยะทางเหลือประมาณ สามสิบถึงสีสิบกิโลเมตรจะถึงวาปีปทุมพี่ชายเราบอก ช่วงรถติดชลอไฟแดงเราดันขับแซงพี่ชายขึ้นไป และฟัง จีพีเอสบอกทางช่วงแรกคิดในใจเดี๋ยวไปถึงพยัคฆ์ภูมิ แล้วค่อยโทร หาพี่ชาย ซึ่งในตอนนั้นเราลืมไปเลยว่าปลายทางของตนคือ อำเภอ  วาปีปทุม  แต่ตั้ง GPS เป็น อำเภอ  พยัคฆ์ภูมิไว้คร่าวๆ  เพราะค้นหาวาปีปทุมไม่เจอ

มีอะไรดลใจ

ไม่รู้เพราะง่วงหรืออะไรดลใจให้เราไม่ได้ปิด GPS ไว้แถมยังขับหลงกันกับรถพี่ชายอีก ทันใดนั้น GPS ก็บอกให้เบี่ยงรถออกซ้ายมุ่งหน้าสู่ พยัคฆ์ภูมิ เราก็ขับซ้ายออกไปพอขับไปสักพักเราต้องเบรครถยนต์เต็มแรง เพราะข้างหน้าเป็นทางโค้งหักศอก รถเราเกือบหลุดโค้ง  ก็เลยมองรอบๆข้างขณะจอดรถ เราสังเกตเห็นว่าในความมืดสนิดกลางทางโค้งนั้น 

มีเพียงเรากับแม่ซึ่งหลับไปแล้ว และแม่ก็ป่วยอยู่แล้วด้วย มีแค่คนบนรถ  พอมองกระจกหลังไม่มีรถตามมาสักคันเลย  ด้านหน้าก็ไม่มีรถสักคันเลย ไฟบนถนนก็ไม่มีซักหลอด  แต่ก็มองไปไกลๆด้านหน้าสุดสายตาพอดี  จะเห็นไฟข้างถนนอยู่ดวงเดียว ดูเวลาก็ตี 2 กว่าๆแล้วดูจีพีเอสก็เหลืออีก 10 กิโลจะถึงอำเภอพยัคฆ์ภูมิ ตอนนี้เรารู้แล้วละว่าตัวเองหลงทาง เราจึงขับมุ่งหน้าไปตรงไฟดวงที่มองเห็นไกลๆ  ขณะขับเราเปิดไฟสูงวิ่งเพราะกลัวทางโค้งอีก ตาก็ชำเลืองดูกระจกหลังมันมืดสนิดน่ากลัวมาก

GPS พาไปเจอผี ตอนตีสาม
GPS พาไปเจอผี ตอนตีสาม

GPS พามาเจอดีเข้าแล้วไง

สักพักเราก็ขับมาถึงไฟดวงนั้น  ที่จริงก็เป็นไฟทางเข้าหมู่บ้านนี่เอง  มีแค่หลอดเดียว ตอนนั้นจีพีเอสบอกระยะทางเหลือ 3 กิโลจะถึงพยัคฆ์ภูมิ สักพักต่อมาเราก็ต้องเบรครถจนตัวโกร่งอีกครั้งหนึ่ง 

ซึ่งสิ่งที่เราเห็นข้างหน้าประมาณ 1 กิโลเมตร เรารู้สึกว่าผิวถนนมันหายไป  แต่มันเหมือนมีสิ่งมีชีวิตสีขาวขาวยั๊วเยี๊ยเต็มถนนเลยแต่มันไกลจึงมองไม่ค่อยชัด ในตอนนั้นเราคิดว่าน่าจะเหมือนฝูงแกะฝูงใหญ่เลยทีเดียวหละ

เราจึงปลุกให้แม่ตื่นมาช่วยดูว่ามันคืออะไร   เราไม่กล้าขับไปใกล้จึงมองไม่ออกว่ามันคืออะไร   รู้แต่ว่ามันขาวไปหมดไม่มีถนนเลย พอแม่ตื่นขึ้นมาแม่ก็ตกใจที่เราปลุก  ถามแต่ว่าถึงไหน ซึ่งเราก็บอกไปไม่รู้และบอกกับแม่ว่ากำลังหลงทาง  แม่ก็ถามว่าแล้วจอดทำไม แล้วอะไรเต็มถนนไปหมดเลยสีขาวๆ  แม่พูด

เราก็เลยตัดสินใจขับไปต่อเพื่อเข้าไปใกล้ๆ  เรารู้สึกกลัวและขนหัวกำลังลุก  แต่ก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร พอมาถึงใกล้ๆต้องร้องอ๋อเลย  วัว  ใช่แล้วมันคือวัวสีขาวเต็มถนนฝูงใหญ่มากๆ  มันกำลังกินอะไรบางอย่างบนผิวถนน

วัวสีขาวใต้ต้นดอกปีบ

แม่บอกว่ามันกินดอกปีบ ที่ร่วงลงบนถนน  เพราะตรงนั้นมีต้นดอกปีบต้นใหญ่อยู่ริมถนน ตอนนั้นเราจอดรถ  ห่างจากวัวประมาณ 5 เมตร  วัวไม่ยอมหลบยืนเต็มถนนไปหมด  ข้างหน้าก็เหลืออีกกิโลเดียวจะถึงตัวอำเภอพยัคฆ์ภูมิ แม่บอกอย่าไปใกล้วัวนะ  เดี๋ยวมันจะตกใจมาโดนรถเรา   

วัวประมาณ 300ตัว สีขาวทุกตัวมีแต่ตัวอ้วนๆใหญ่ๆสวยงามทุกตัว  เราจึงแปลกใจเอามากๆจึงดูเวลาก็ตี3 เข้าไปแล้ว แล้วนี่วัวใครมาจากไหนตอนตี 3 พอสงสัยอยู่นั้น  ก็เห็นรถเครื่องคันหนึ่งขับมาจากทางตัวอำเภอ พอมาถึงฝูงวัวก็หลบให้รถเครื่องค่อยๆผ่าน

เราจึงใช้จังหวะนั้นเลื่อนรถเข้าไปหาวัว  แล้ววัวก็เปิดทางให้รถเราผ่าน และเราก็ขับรถสวนกันกับรถเครื่องคันนั้นอย่างช้าๆ เราจึงพูดกับแม่ว่าถ้าไม่มีรถเครื่องมา  เราคงไปไม่ได้เพราะวัวไม่หลบให้นะแม่  พอพูดจบแล้วเราจึงมองกระจกหลัง  เพื่อจะดูว่าเขาเป็นเจ้าของวัวหรือเป็นชาวบ้านผ่านไปผ่านมาเฉยๆ

แต่มันก็ตี3 แล้วนะที่ต่างจังหวัดด้วยปรากฎว่าไม่มีเลย  รถเครื่องคันนั้นแสงไฟของรถก็ไม่เห็น  ไฟท้ายรถไม่มีเลย แล้วหายไปไหนทำไมถึงไวขนาดนั้น มีแต่เพียงฝูงวัวที่กำลังทยอยเดินหายไปจากต้นดอกปีบ   หายไปทีละตัวสองตัว  หายไปกับความมืด

ทั้งคนทั้งวัวดูแปลกๆ

เรา งง มากๆ ว่ารถเครื่องคันนั้นหายไปไหนและวัวฝุงใหญ่ขนาดนี้เป็นของใครกัน แล้วตี 3 วัวออกมาทำไม  ถ้าตี5 ถึง6โมงยังจะพอเข้าใจ แต่เราก็เก็บความสงสัยไว้เงียบๆ  ไม่กล้าบอกไม่กล้าถามแม่กลัวแม่ตกใจ

พอขับรถมาถึงตัวอำเภอพยัคฆ์ภูมิและก็มองเห็นรถเทศบาลกำลังทำงานอยู่ก็เลยอุ่นใจขึ้นมาหน่อย จากนั้นเราก็จอดรถเพื่อโทรศัพท์หาพี่ชาย  เพื่อถามทาง แม่เราเริ่มจะบอกอะไรบางอย่างกับเราว่า มันใช่วัวจริงๆไหมหละลูก  และคนใช่คนจริงไหม  ที่ขับรถเครื่องมาพอดี  ทุกอย่างดูปกติมาก  แม่พูด

เราก็พูดขึ้นว่าวัวของเทศบาลมั้งแม่เขาเลี้ยงเอาไว้ แม่ก็เลยพูดเออคงใช่  เพราะแม่เห็นเขาตีตราไว้  น่าจะเป็นวัวของอำเภอนี่แหละมั้ง ที่แม่บอกว่าเขาตีตราไว้  เราคิดว่าแม่คงเห็นที่เขาขลิบไว้ตรงหู วัวมั้ง  เหมือนสัตว์เลี้ยงในเกษตรอำเภอก็เลยไม่ได้เอะใจ 

จากนั้นเราก็หาทางไปอำเภอ  วาปีปทุมได้แล้ว  คราวนี้จีพีเอสหาเจอเฉยเลยน่าแปลกใจอีกแล้ว ระยะทางอีก36กิโลถึงอำเภอ  วาปีปทุมเรารีบขับรถอย่างเร็ว  เพราะได้โทรนัดกันกับพี่ชายแล้วว่าจะเจอกันตรงไหน

จากนั้นเรากับพี่ชายก็ได้เจอกันและได้เข้าไปพักผ่อนที่บ้านแฟนเขา  เวลานั้นประมาณตี4กว่าๆ เช้าวันนั้นเป็นวันหวยออกพอดีแม่เราบอกว่า  แม่จะซื้อหวยพาแม่ไปหาซื้อล็อตเตอรี่หน่อย

อ้าวเจอหวยที่ตัววัว

จากนั้นตอนไปเที่ยวตามที่ต่างๆ  อำเภออื่น  เราก็พาแม่ไปหาซื้อล็อตเตอรี่แต่แม่ก็บอกไม่มีเลขที่แม่จะซื้อเลย ใครถามแม่ก็ไม่ยอมบอกว่าหาเลขอะไรอยู่ จนหวยใกล้จะออกแล้ว  แม่ได้ล็อตเตอรี่มา3คู่นี่แหละมั้ง  เลขท้าย40  แล้วก็ซื้อหวยใต้ดินอีกน่าจะเยอะเลยหละ ปรากฎว่าหวยออก 40 จริงๆ  แม่ถูกหวยเยอะมากในวันนั้นเยอะที่สุดในชีวิตแม่เลยก็ว่าได้   

จากนั้นก็เลยมีใครต่อใครมารุมถามว่าแม่เอาเลขมาจากไหน  แม่ก็บอกไปว่าเลขที่เห็นบนตัววัวเมื่อคืนไงลูก ที่แม่บอกว่าเขาตีตราไว้น่าจะเป็นวัวของอำเภอพยัคฆ์นั่นไง แต่ก็น่าแปลกเราไม่เห็นเลขที่วัวเลยและแม่บอกว่ามีวัวแค่ตัวเดียวที่มีตัวเลขตรงขาหลังเลขตัวใหญ่มาก

เราคิดว่าน่าจะมีบางสิ่งบางอย่างนำทางให้เรากับแม่ได้ไปพบเจอกับบางอย่างแปลกๆ จนทำให้แม่ได้มีโชคลาภขึ้นมาในครั้งนี้

เราได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนเฒ่าคนแก่และชาวบ้านฟังต่างก็พูดเสียงเดียวกันว่า มีบางอย่างผิดปกติจริงๆน่าจะมีสิ่งเหนือธรรมชาติมาปรากฏตัวให้เห็น  ตามที่ได้เห็นกันมานั่นหละ

ถ้าเขามีเราก็มีโชค

เพราะเขามาดีไง  เรากับแม่ถึงไม่ตกใจกลัว ทุกอย่างดูปกติหมดไม่ว่าจะฝุงวัวกินดอกปีบ  มีคนขี่รถเครื่องสวนมาทำให้ดูไม่โดดเดี่ยววังเวง แต่สิ่งที่ผิดปกติคือ  เวลาและจำนวนวัว   ซึ่งเราได้สอบถามชาวบ้านแถวนั้นแล้วว่า  ไม่มีใครเลี้ยงวัวฝูงใหญ่ขนาดนั้น  แถมวัวมีแต่ตัวอ้วนๆ  และมีสีขาวล้วนทุกตัวด้วย

จากที่เห็นวัวของชาวบ้านในเวลากลางวันมีแต่วัวตัวผอมๆ และส่วนใหญ่จะเป็นวัวสีส้ม  ไม่เห็นวัวสีขาวสักตัวเลย สิ่งที่เราสนใจอีกอย่างคือ  ทำไมวัวฝูงใหญ่นั้น  ไปรุมกินดอกปีบต้นนั้นริมถนน  เราเพิ่งรู้ว่าวัวชอบกินดอกไม้ด้วย เรื่องเล่านี้ก็ได้จบลงแล้ว