
อันตรายจากการขับขี่ยานพาหนะช่วงฝนตก และในบริเวณที่มีน้ำขัง
การขับขี่ยานพาหนะในช่วงเวลาฝนตกและในบรเวณที่มีน้ำท่วมขัง ถือเป็นหนึ่งในสถานะการณ์เสี่ยง ที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ ทั้งยังส่งผลให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย เพื่อความปลอดภัย ผู้ขับขี่จึงควรเพิ่มความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการขับขี่ด้วยความเร็วในสถานะการณ์ดังกล่าว คุณรู้หรือไม่ว่าสถิการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเดือนมิถุนายนต์-ตุลาคม คิดเป็น 38.88% ของจำนวนการเกิดอุบัติเหตุตลอดทั้งปี นับว่าเป็นสถิติที่เกิดอุบัติเหตุที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราทุกคนจะต้องศึกษาข้อมูลหาต้นตอ และสาเหตุแห่งการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันการสูญเสีย จากการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง ดังนี้
ทำไมขับขี่ยานพาหนะในสภาพถนนที่มีน้ำขังจึงอันตราย
1. ประสิทธิภาพในการเบรคลดลง เมื่อถนนเปียกแรงเสียดระหว่างล้อและถนนจะน้อยกว่าช่วงที่ถนนแห้ง
- ระยะหยุดรถระหว่างถนนแห้งและถนนเปียก
- ความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะที่สามารถหยุดรถบนถนนที่แห้งคือ 25 เมตร และถนนเปียกระยะที่สามารถหยุดรถได้คือ 36 เมตร
- ความเร็ว 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะที่สามารถหยุดรถบนถนนที่แห้งคือ 52 เมตร และถนนเปียกระยะที่สามารถหยุดรถได้คือ 81 เมตร
- ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะที่สามารถหยุดรถบนถนนที่แห้งคือ 102 เมตร และถนนเปียกระยะทีสามารถหยุดรถได้คือ 169 เมตร
- จะเห็นได้ว่าการขับขี่เร็วขึ้น จะต้องใช้ระยะหยุดรถให้มากขึ้นด้วยนะ อ่านเพิ่มเติมเรื่อง>>วิธีปฏิบัติเมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม
2. การเหินน้ำ
- ความเร็วที่เหมาะสม คือ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ล้อสามารถรีดน้ำได้ดีรีดน้ำทัน และยางก็สัมผัสผิวถนนได้ดี
- การขับที่เร็วเกินไป เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ผลคือ ล้อรีดน้ำไม่ทัน เกิดชั้นน้ำระหว่างยางกับถนน แรงเสียดทานต่ำรถจึงไถลหรือเหินได้
- หากเกิดการเหินน้ำอย่าเหยีบเบรคกระทันหัน เพราะอาจทำให้รถหมุนและพลิกคว่ำได้
3. ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง
- ถนนแห้ง เวลาขับกลางคืนแสงไฟหน้ารถจะกระทบกับผิวถนน ทำให้มีแสงไฟจำนวนมากกระทบเข้าตา จึงทำให้การมองเห็นถนนได้อย่างชัดเจน
- ถนนเปียก เวลาขับกลางคืน แสงไฟจากหน้ารถส่วนใหญ่จะสะท้อนผิวน้ำไปด้านหน้า ไม่สะท้อนเข้าตาจึงทำให้การมองเห็นถนนไม่ชัดเจน และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ขับขี่ขณะฝนตกอย่างไรให้ปลอดภัย?
การขับขี่ในช่วงหน้าฝนนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เนื่องจากสภาพถนนที่เปียกและลื่น ดังนั้นควรใช้ความระมัระวังในการขับขี่เป็นพิเศษเลยเชียวนะ นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติม เพื่อการขับขี่ขณะฝนตกอย่างปลอดภัยดังนี้
- เวลา ควรเผื่อเวลาในการเดินทางเอาไว้บ้าง เนื่องจากสภาพการจราจรที่ติดขัดในช่วงหน้าฝน
- ความเร็ว ควรขับขี่ด้วยความเร็วที่กฏหมายกำหนดและลดความเร็วลงในช่วงระหว่างที่ฝนกำลังตก
- ที่ปัดน้ำฝน ที่ปัดน้ำฝนต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และพร้อมใช้งาน
- ระยะห่าง ควรขับตามคันข้างหน้าด้วยระยะห่างที่ปลอดภัย และสามารถหยุดรถได้ทันทีหากเกิดเหตุที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นในระหว่างขับขี่
- แสงสว่าง จำเป็นต้องเปิดไฟหน้ารถเมื่อต้องขับขี่ในระหว่างที่ฝนตก
- การควบคุม ควรจับพวงมาลัยด้วยทั้งสองมือเลยนะ ตลอดเวลาที่ขับอยู่นั้น อ่านเรื่อง>>ขับขี่อย่างปลอดภัยในทุกสถานะการณ์
จะเห็นได้ว่าในการขับขี่รถยนต์ในช่วงฝนตก และบริเวณที่มีน้ำขัง หากคนขับไม่มีข้อมูลการปฏิบัติที่ถูกต้องนั้นมันอันตรายมากน้อยแค่ไหน เพราะฉนั้นในการขับขี่ทุกๆครั้งไม่ว่า ในสถานะการณ์ใดๆก็ตามท่องจำให้ขึ้นใจเสมอว่า ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฏหมายกำหนด ยิ่งหากขับอยู่ในช่วงภาวะที่ไม่ปกติด้วยนั้นยิ่งต้องระวัง เรื่องความเร็วรถเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลย ที่สำคัญกว่านั้นคือเมาไม่ขับรถเด็ดขาดเลยเชียวนะ
อ่านเนื้อหาที่คล้ายกัน